ข่าวประชาสัมพันธ์ » แฉไส้ตำรวจท่องเที่ยว เพจดังภูเก็ต ท้าชน “ผู้การโจ๊ก”

แฉไส้ตำรวจท่องเที่ยว เพจดังภูเก็ต ท้าชน “ผู้การโจ๊ก”

3 พฤศจิกายน 2017
550   0

31 ตุลาคม 2560 (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) โจ้ สปอตไลท์ ภูเก็ต ผู้ก่อตั้งเพจชื่อดัง Spotlight Phuket ให้สัมภาษณ์รายการวิทยุ ท้าชน “ผู้การโจ๊ก” พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทน รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจท่องเที่ยว โดยขอให้พิสูจน์เรื่องตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ตรับส่วยและรีดไถผู้ประกอบการ/นักท่องเที่ยว เดือนละกว่า 100 ล้านบาท มีจริงหรือไม่? หากไม่มีเรื่องรับส่วยและรีดไถ เพจชื่อดังยอมขายบ้าน ขายรถ อมอุจจาระสุนัข เลียชักโครกบ้านผู้การโจ๊ก พร้อมยื่นหนังสือวอนนายกฯ ประยุทธ์ เห็นใจประชาชนคนภูเก็ต ตะเพิด 2 นายตำรวจลูกสมุนโจ๊กพ้นเกาะภูเก็ต
นายธรรมรัตน์ สุวรรณโพธิศรี หรือโจ้ สปอตไลท์ ภูเก็ต ผู้ก่อตั้งและแอดมินเพจชื่อดัง Spotlight Phuket ให้สัมภาษณ์ชนิดดุเดือด กับรายการวิทยุ สืบจากข่าว ทางคลื่น อสมท. หลังไปยื่นหนังสือร้องเรียนถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และจเรตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งฃาติ กรณีตำรวจท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต พัวพันกับเรื่องส่วยและรีดไถประชาชนว่า มีตัวเลขรายการรับส่วยและรีดไถ เฉพาะพื้นที่ อ.ป่าตอง ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อเดือน เป็นเงินที่มาจากการกดขี่ ข่มเหงกลุ่มแรงงานต่างด้าว การใช้ช่องว่างทางกฎหมายกับกลุ่มสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ และกลุ่มสถานบันเทิง ถ้าจะให้เจาะลึกชัดๆ เช่น แรงงานต่างด้าวชาวเนปาลที่อยู่อย่างผิดกฎหมาย ทำมาหากินขายของใน อ.ป่าตอง มีประมาณ 1,000 คน แต่ละคนต้องส่งส่วยให้ตำรวจท่องเที่ยวคนละ 8,000 บาทต่อเดือน เงินเข้ากระเป๋าตำรวจท่องเที่ยวเฉพาะจุดนี้จุดเดียว 8,000,000 บาท
“ จริงๆ แล้วถ้าให้คนต่างด้าวเหล่านั้นทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เงินเหล่านั้นก็จะเข้าไปเป็นรายได้พัฒนาประเทศชาติ ซึ่งยังมีส่วยและการรีดไถอีกอีกมหาศาลทั้งจากนายหน้าที่ตามเก็บส่วยให้ตำรวจท่องเที่ยวที่เรียกว่า “หมานาย”อีกเท่าไหร่ ซึ่งคนภูเก็ตก็รู้เรื่องพวกนี้ดี แต่ทำไมนายตำรวจระดับสูงของ สตช.ถึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น คือไม่อยากให้ตำรวจอาศัยช่องว่างทางกฎหมายไปรังแกประชาชน และวันนี้สุดจะทนแล้วกับความนิ่งเฉย จึงขอท้าชนนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ คือท่านผู้การโจ๊ก พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทน รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจท่องเที่ยว ถ้าท่านพิสูจน์ได้ว่า ภูเก็ตไม่มีตำรวจท่องเที่ยวรับส่วยและรีดไถชาวบ้าน/ผู้ประกอบการจริงๆ ตนจะยอมทำตามที่สัมภาษณ์กับรายการสืบจากข่าว คือ ไปเลียชักโครก และไปอมอุจจาระสุนัขบ้านท่านผู้การโจ๊ก โดยมีท่านผู้ฟังที่ฟังรายการอยู่ทั่วประเทศเป็นพยานให้กับผม แต่ถ้าหากว่ามีการรับส่วยและรีดไถจริง ผมอยากให้ท่านลาออกจากการเป็นตำรวจและมาเป็นประชาชนธรรมดาจะได้หรือไม่? ส่วนตน คนจริงทำจริงแน่นอน”นายธรรมรัตน์กล่าว
เจ้าของเพจดังแห่งเกาะภูเก็ตสะท้อนภาพเล่าเรื่องราวออกมาดังๆเกี่ยวกับตำรวจท่องเที่ยวบางส่วนที่นั้น รีดไถ รับส่วย แรงงานต่างด้าว ผู้ประกอบการธุรกิจบันเทิง หวยใต้ดิน และสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ลามปามไปถึงขั้นเข้าไปบีบบังคับมีส่วนถือหุ้นธุรกิจต่างๆมากมาย โดยเป็นการเข้าไปถือหุ้นลมเฉยๆเพื่อแลกกับการไม่ต้องเข้าไปก่อกวนด้วยการขอตรวจสอบ การไม่จับกุม หรือแกล้งจับหลอกๆจนผู้ประกอบการร้านค้า และผู้คนที่นั่นอดรนทนไม่ไหว มอบหมายให้ตนเองเป็นตัวแทนป่าวประกาศให้โลกภายนอกได้รับรู้ แถมพอเสร็จจากการให้สัมภาษณ์จากรายการก็ได้ไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อให้มารับทราบปัญหาตำรวจที่นั่น และในหนังสือก็ระบุชื่อนายตำรวจตัวแสบ 2 คน ระดับ พ.ต.อ.และพ.ต.ต. ยังไม่รวมลูกน้องปลายแถว และมาเฟียนักเลงท้องถิ่นที่พร้อมจะเป็นมือเป็นเท้าในการเดินทางไปเก็บส่วยให้ และคนที่นั่นเรียกคนกลุ่มนี้ว่า “หมาของนาย” หรือฝรั่งจะเรียกว่า “ โรโบขอบ” (robocope)

นายธรรมรัตน์กล่าวต่อไปว่า บุคคลที่โดนตำรวจท่องเที่ยวเก็บส่วยเกือบจะหมดทุกกลุ่มอาชีพทั้งคนไทยและต่างชาติ เพราะถิ่นของ “ป่าตอง” เป็นดินแดนที่อยู่อาศัยประกอบธุรกิจและท่องเที่ยวของชาวต่างประเทศเกือบจะทั้งหมด ลองดูนะครับจะเจียรนัยให้ละเอียดยิบเลยครับ ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่มีการก่อสร้างต่อเติมผิดกฎหมาย ผิดแต่ไม่ต้องถูกตรวจสอบ ต้องจ่าย บางคนเป็นเจ้าของบ้านแต่มาฟอกเงินแอบอาศัย ต้องจ่าย ใช้แรงงานต่างด้าวผิด ต้องจ่าย ร้านค้าเกือบทุกร้านล้วนมีแรงงานต่างด้าว ต้องจ่าย บริษัทต่างๆเพื่อประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว มีแรงงานต่างด้าวเกือบทุกแห่ง เพราะจำเป็นต้องใช้คนที่พูดภาษาต่างประเทศได้ ต้องจ่าย ร้านอาหารก็เช่นกัน พนักงาน แรงงาน ต้องเป็นต่างด้าวเพราะพูดภาษาเขารู้เรื่อง ต้องจ่าย ร้านขายยาที่มีอยู่อย่างมากมาย ไม่ใช่เพราะมีคนป่วยเยอะ แต่เพราะเปิดมาเพื่อขายยาต้องห้ามให้กับนักท่องเที่ยว ก็ต้องจ่าย ยิ่งถ้าเป็นสถาบันบันเทิง ผับ เธค บาร์ต่างๆประเภทนี้ต้องจ่าย100 เปอร์เซ็นต์เพราะแตะไปตรงไหนผิดหมด
เจ้าของเพจดังกล่าวต่อไปว่า ต้องจ่ายทุกคนเป็นรายหัว ต่อวันต่อคน ไม่ว่าจะเป็นกระเทย เกย์ เด็กเรียกแขกที่เดินถือป้ายไปมาเรียกแขกตามท้องถนนก็ต้องจ่าย เพราะส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวต่างชาติที่พูดได้หลายภาษา เพื่อแลกกับการไม่ถูกจับ ถูกตรวจสอบ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาทำมาหากิน ร้านรถเข็นไปมาตามท้องถนนก็ไม่ละเว้น ทุกคนทุกร้านรู้ดีว่าต้องจ่ายเพื่อแลกกับความสบายใจในการทำมาหากิน แม้กระทั่งร้านตัดผมก็ต้องจ่าย แถมจ่ายแพงด้วย เพราะเป็นอาชีพสงวนของคนไทย แต่ที่นั่น“ป่าตอง” ทุกร้านเป็นของต่างด้าว หรือถ้าเป็นร้านของคนไทย ช่างตัดผมก็เป็นต่างด้าว โดยเฉพาะร้านชาวอาหรับ เขาจะไม่ยอมให้คนศาสนาอื่นมาถูกหน้า ถูกเครา ถูกหัวเขาได้เลย ก็ต้องจ่ายเช่นกัน
“ที่น่ากลัวที่สุดมีการขอเข้าไปถือหุ้นลมในธุรกิจเหล่านี้มากมายหุ้นลมคือไม่ต้องใช้เงินลงทุน แลกกับการค้ำประกันว่าจะให้ช่วยให้การช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในการค้าขาย การทำธุรกิจ จะทำอะไรก็ทำเจ้าหน้าที่จะแกล้งไม่รู้ไม่เห็น เวลาไปตรวจแต่ละครั้งยกโขยงไปเป็นกองทัพ ทั้งทหาร ตำรวจ แล้วท่านก็จะเลือกเวลาที่ลูกค้าเข้าร้านเยอะๆพอตำรวจมากันเต็มร้าน ลูกค้าก็เซ็ง ชื่อเสียงก็ไม่ดี ทั้งๆที่งานอย่างนี้ใช้สายสืบไม่กี่คนไปเดินตรวจ แอบเดินดูของผิดกฎหมายก็ได้ แต่ท่านจะไม่ทำ ท่านจะเลือกเกณฑ์ลูกน้องไปเป็นกองทัพ เพื่อยืนให้เต็มร้าน ขายของไม่ได้ที่สำคัญทุกครั้งที่ท่านมาลงพื้นที่ด้วยตัวเอง ท่านผู้การโจ๊กจะอ้างว่าเป็นคำสั่งของท่านนายกประยุทธ์ จันทร์โอชาและ เป็นนโยบายความมั่นคงของพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นที่เอือมระอาของข้าราชการในพื้นที่ที่ทุกครั้ง บิ๊กโจ๊กต้องอ้างชื่อนายกฯกับรองประวิตรมาข่มขู่ทุกครั้ง หากไม่เชื่อขอท้าให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลลงมาตรวจสอบหาความจริงได้” นายธรรมรัตน์ กล่าวในที่สุด